[VB.NET] การประยุกต์ใช้งานไฟล์ INI (Initialize File) มาทำการเก็บข้อมูลขนาดเล็ก

thongkorn

Initialize File ซึ่งมันก็คือ Text File ธรรมดาๆนี่เองแหละครับ โดยไฟล์เหล่านี้จะมีนามสกุลเป็น INI (ปกติแอดมินจะอ่านสั้นๆว่า อินอิท) ซึ่งถูกใช้มานมนานแล้วตั้งแต่ยุค DOS, MS Windows 3.0/3.11 (Work Group) มาเรื่อยๆจนถึงปัจจุบันนี้ แต่มันก็ค่อยๆลดบทบาทลงไปเนื่องจากถูกเอกสาร XML (eXtensible Markup Language) เข้ามาแทนที่มันไปแล้วครับ ไฟล์ INI นี้มักจะจัดเก็บข้อมูล ข่าวสาร การตั้งค่าระบบที่สำคัญๆเอาไว้ ในลักษณะของการจัดเก็บข้อมูลแบบ Line By Line เพื่อหลีกเลี่ยงการเขียนโค้ดโปรแกรมที่ยุ่งยาก และเพื่อให้ง่ายต่อการปรับแต่งระบบ ส่วนอีกตัวที่มาคู่กันเพื่อจัดการกับระบบก็คือการควบคุมผ่าน Registry อันนี้ค่อนข้างจะยุ่งยากกว่า แถมมีการป้องกันของ Windows แอดมินก็จะขอนำไปกล่าวอีกครั้งในภายหลังล่ะกันครับ ...

INI File จะมีส่วนสำคัญ 3 ส่วน ดังนี้คือ ...
Section ส่วนของชื่อที่ปิดด้วยเครื่องหมาย Bracket [] ... เพื่อตั้งชื่อเป็นกลุ่มข้อมูล
Key เป็นชื่อเฉพาะที่มีค่าไม่ซ้ำกัน หรือ ก็คือตัวแปรดีๆนี่เองแหละครับ
Value เป็นค่าที่ถูกกำหนดให้กับ Key เพื่อใช้ในการอ่าน และ เขียนเข้าไปใน INI File


ตัวอย่างในวันนี้แอดมินจะนำเสนอการประยุกต์ใช้ INI เพื่อทำการเก็บข้อมูลขนาดเล็กๆเอาไว้พิมพ์รายงาน ซึ่งค้างเอาไว้จากเรื่อง แจกฟรีโค้ด ActiveReports.NET การพิมพ์ใบแจ้งค่าใช้จ่าย สำหรับหอพัก ห้องเช่า อพาร์ทเมนท์ แบบกระดาษครึ่ง A4 ... ความมหัศจรรย์ของ Get/WritePrivateProfileString ซึ่งถูกบรรจุเอาไว้ใน Windows API (Application Programming Interface) ... ณ วันนี้ที่เรามาจนถึง Dot Net Framework แต่กลับหนี API ไปไม่พ้น ซึ่งหากท่านที่พัฒนาการเขียนโปรแกรมมาจาก VB6 จะรู้เลยว่า API นี่คืออาวุธลับสำคัญในการเสริมเขี้ยวเล็บอันทรงพลังและมีประสิทธิภาพให้กับ VB6 ...

การประกาศใช้ Library Get/WritePrivateProfileString (อยู่ใน modFunction.vb)

1.     ' / --------------------------------------------------------------------
   
2.     ' / Initialized Management
   
3.     Private Declare Unicode Function WritePrivateProfileString Lib "kernel32" Alias "WritePrivateProfileStringW" ( _
   
4.         ByVal lpApplicationName As String, _
   
5.         ByVal lpKeyName As String, _
   
6.         ByVal lpString As String, _
   
7.         ByVal lpFileName As String _
   
8.         ) As Int32
   
9. 
   
10.     Private Declare Unicode Function GetPrivateProfileString Lib "kernel32" Alias "GetPrivateProfileStringW" ( _
    
11.         ByVal lpApplicationName As String, _
    
12.         ByVal lpKeyName As String, _
    
13.         ByVal lpDefault As String, _
    
14.         ByVal lpReturnedString As String, _
    
15.         ByVal nSize As Int32, _
    
16.         ByVal lpFileName As String _
    
17.         ) As Int32
    
18.     ' / --------------------------------------------------------------------

คัดลอกไปที่คลิปบอร์ด

เราประกาศฟังค์ชั่นเป็นแบบ Private ก็เพราะเราจะใช้ ReadIni/WriteIni เป็นตัวกระทำในแบบ Public แทน

การเรียกใช้งานฟังค์ชั่น ReadIni เพื่อทำการอ่านข้อมูล INI

1.     ' / --------------------------------------------------------------------
   
2.     Public Function ReadIni(ByVal IniFileName As String, ByVal Section As String, ByVal ParamName As String, ByVal ParamDefault As String) As String
   
3.         Dim ParamVal As String = Space$(1024)
   
4.         Dim LenParamVal As Long = GetPrivateProfileString(Section, ParamName, ParamDefault, ParamVal, Len(ParamVal), IniFileName)
   
5.         ReadIni = Left$(ParamVal, LenParamVal)
   
6.     End Function

คัดลอกไปที่คลิปบอร์ด

พารามิเตอร์ที่ต้องการ จะประกอบไปด้วย IniFileName, Section, ParamName ตัวนี้คือ Key นั่นเอง และ ParamDefault คือ Value ที่ต้องการจัดเก็บ ... อธิบายให้ฟังง่ายๆก็คือ เราต้องส่งค่าต่างๆเหล่านี้ที่ถูกกำหนดเอาไว้เป็นรูปแบบ (Pattern) ที่แน่นอนไปยัง GetPrivateProfileString API ส่วนที่เหลือฟังค์ชั่นมันจะจัดการแยกแยะให้เรานั่นเอง โดยที่เราแทบไม่ต้องไปสนใจเลย

ตัวอย่างการเรียกใช้งานแบบ Line by Line ...

1. txtOwner.Text = ReadIni(strFileINI, "Config", "Owner", "")

คัดลอกไปที่คลิปบอร์ด

เป็นการอ่านค่าจาก Section=Config, มี Key=Owner จากนั้นมันก็จะ Return ค่ากลับมาเก็บเอาไว้ใน txtOwner.text (แต่ถ้าหากหาข้อมูลไม่เจอ มันจะคืนค่าว่างเปล่า "" ซึ่งเป็นค่า Default กลับมาให้แทน) เช่น
[Config]
Owner=ทองก้อน ฮาเร็ม อพาร์ทเมนท์

การเรียกใช้งานฟังค์ชั่น WriteIni เพื่อทำการเขียนข้อมูลเข้าไปใน INI

1.     ' / --------------------------------------------------------------------
   
2.     Public Function WriteIni(ByVal iniFileName As String, ByVal Section As String, ByVal ParamName As String, ByVal ParamVal As String) As Integer
   
3.         WriteIni = WritePrivateProfileString(Section, ParamName, ParamVal, iniFileName)
   
4.     End Function

คัดลอกไปที่คลิปบอร์ด

ก็เช่นเดียวกันกับการ Read โดยมีการส่งค่าพารามิเตอร์ที่ถูกกำหนดเอาไว้ไปยังฟังค์ชั่น WriteIni จากนั้นข้อมูลเหล่านี้มันจะถูกจัดการภายใน WritePrivateProfileString ให้เอง

มาดูโค้ดในส่วนของฟอร์มหลักในการเรียกใช้งาน (frmSetting.vb)

1. Public Class frmSetting
   
2.     Dim strFileINI As String
   
3. 
   
4.     ' / --------------------------------------------------------------------
   
5.     Private Sub frmSetting_Load(sender As System.Object, e As System.EventArgs) Handles MyBase.Load
   
6.         strFileINI = MyPath(Application.StartupPath) & "Config.ini"
   
7.         '// เช็คว่ามีไฟล์ Config.ini อยู่หรือไม่???
   
8.         If My.Computer.FileSystem.FileExists(strFileINI) Then
   
9.             txtOwner.Text = ReadIni(strFileINI, "Config", "Owner", "")
   
10.             txtAddress.Text = ReadIni(strFileINI, "Config", "Address", "")
    
11.             txtHeader.Text = ReadIni(strFileINI, "Config", "Header", "")
    
12.             txtRemark1.Text = ReadIni(strFileINI, "Config", "Remark1", "")
    
13.             txtRemark2.Text = ReadIni(strFileINI, "Config", "Remark2", "")
    
14.             '// กรณีไม่เจอ ให้เริ่มต้นค่าใหม่
    
15.         Else
    
16.             txtOwner.Text = "ทองก้อน ฮาเร็ม อพาร์ทเมนท์"
    
17.             txtAddress.Text = "123/456 ถ.กลางเมือง ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.ขอนแก่น โทร.043-XXX-XXX"
    
18.             txtHeader.Text = "- ใบแจ้งค่าใช้จ่าย -"
    
19.             txtRemark1.Text = "[1] กรุณาชำระเงินภายในวันที่ 32 ของทุกเดือน"
    
20.             txtRemark2.Text = "[2] การเงินมีปัญหา ใส่ชุดนักศึกษามาหาป๋าทองก้อนได้ตลอด 24 ชั่วโมง"
    
21.         End If
    
22.     End Sub
    
23. 
    
24.     Private Sub txtElectricRate_KeyPress(sender As Object, e As System.Windows.Forms.KeyPressEventArgs) Handles txtHeader.KeyPress
    
25.         e.Handled = CheckDigitOnly(Asc(e.KeyChar))
    
26.     End Sub
    
27. 
    
28.     ' / --------------------------------------------------------------------
    
29.     '// บันทึกไฟล์ INI
    
30.     Private Sub btnSave_Click(sender As System.Object, e As System.EventArgs) Handles btnSave.Click
    
31.         WriteIni(strFileINI, "Config", "Owner", txtOwner.Text)
    
32.         WriteIni(strFileINI, "Config", "Address", txtAddress.Text)
    
33.         WriteIni(strFileINI, "Config", "Header", txtHeader.Text)
    
34.         WriteIni(strFileINI, "Config", "Remark1", txtRemark1.Text)
    
35.         WriteIni(strFileINI, "Config", "Remark2", txtRemark2.Text)
    
36.         '//
    
37.         MessageBox.Show("บันทึกการตั้งค่าระบบเรียบร้อย.", "รายงานสถานะ", MessageBoxButtons.OK, MessageBoxIcon.Information)
    
38.         Me.Close()
    
39.     End Sub
    
40. 
    
41.     Private Sub btnExit_Click(sender As System.Object, e As System.EventArgs) Handles btnExit.Click
    
42.         Me.Close()
    
43.     End Sub
    
44. 
    
45.     Private Sub frmSetting_FormClosed(sender As Object, e As System.Windows.Forms.FormClosedEventArgs) Handles Me.FormClosed
    
46.         Me.Dispose()
    
47.     End Sub
    
48. 
    
49. End Class

คัดลอกไปที่คลิปบอร์ด

ดาวน์โหลดโปรแกรมต้นฉบับ VB.NET (2010) ได้ที่นี่

MrDen

กำลังหาเลยครับผม

ขอบพระคุณอย่างสูงครับผม

aek51

ขอบคุณมากครับ

naynop

อยากให้เพิ่ม ตัวอย่าง การ ขึ้นทึกค่า ของ radio กับ check box ด้วย ครับ พอดี กำลังเริ่มศึกษา อิอิ จะได้มีตัวอย่างไว้ศึกษาด้วย ครับ

Chana468

ขอบคุณคร้าบบบบบบบบบบ




สล็อตออนไลน์