[VB6] การทำระบบเข้าสู่การใช้งาน (Users Login) ด้วยการใช้โครงสร้าง หรือ Structure

thongkorn

อันที่จริงแอดมินได้เขียนบทความสำหรับ VB6 เอาไว้เมื่อ 8 ปีที่แล้ว วันนี้เอามารีรันให้ใหม่ก็แล้วกันครับ ส่วนการทำ Users Login สำหรับ VB.NET คลิ๊กเข้าไปอ่านได้ที่นี่ ...

ทำความเข้าใจกับชุดโครงสร้างข้อมูล สำหรับ Visual Basic 6.0
การกำหนดชนิดของข้อมูลเป็นชุดๆเอาไว้ ในลักษณะเป็นแบบ โครงสร้าง (Structure) โดยที่ทำการกำหนดรูปแบบต่างๆเอาเอง หรือ เรียกว่า User-Defined Types (UDTs) จะประกอบไปด้วยประเภทของข้อมูลหลากหลายชนิด เช่น String, Long หรือ Boolean มาประกอบรวมกันเป็นชุดข้อมูล แต่การกำหนด หรือ ประกาศจะถือว่าเป็นเพียงต้นแบบ หรือ Template เท่านั้นนะครับ ยังเรียกใช้งานโดยตรง หรือ เก็บข้อมูลเข้าไปไม่ได้ โดยมีรูปแบบดังต่อไปนี้ คือ ... แอ่นแอ้นนนนนน

1. [Public | Private] Type TypeName
   
2.     Variable1 As DataType
   
3.     Variable2 As DataType
   
4.     ...
   
5.     ...
   
6.     VariableN As DataType
   
7. End Type

คัดลอกไปที่คลิปบอร์ด

modVarType.bas - เก็บตัวแปรชนิดโครงสร้าง

1. ' ========================================================
   
2. ' การกำหนดชนิดของข้อมูลเป็นชุดเอาไว้ (Structure) หรือ User-defined Types (UDTs)
   
3. ' โดยจะประกอบไปด้วยประเภทของข้อมูลหลายชนิด เช่น String, Long หรือ Boolean
   
4. ' การประกาศ USER_INFO และประกอบด้วยชนิดของข้อมูลหลากหลาย ... แต่ขณะนี้
   
5. ' มันเป็นเพียงต้นแบบ หรือ Template เท่านั้นน่ะครับ ... ยังเรียกใช้งานโดยตรงไม่ได้
   
6. ' ========================================================
   
7. ' *** จะต้องกำหนดการใช้งานที่ Module ด้วยเท่านั้นนะครับ ***
   
8. Public Type USER_INFO
   
9. 
   
10.     ' Primary Key ของ User
    
11.     USER_USERPK As Integer
    
12.    
    
13.     ' ชื่อผู้ใช้ที่เข้ามาสู่ระบบ
    
14.     USER_USERID As String
    
15.    
    
16.     ' รหัสผ่าน
    
17.     USER_PASSWORD As String
    
18.    
    
19.     ' เป็น Administrator หรือ ผู้ดูแลระบบหรือไม่
    
20.     USER_ISADMIN As Boolean
    
21.    
    
22.     ' เก็บชื่อเต็มของผู้ใช้ เช่น ผู้ดูแลระบบ หรือ พนักงาน 1
    
23.     USER_COMPLETENAME As String
    
24.    
    
25.     ' วันเวลาที่เข้าสู่ระบบ
    
26.     USER_TIMELOGIN As Date
    
27. 
    
28. End Type
    
29. ' ========================================================

คัดลอกไปที่คลิปบอร์ด

อย่างไรก็ตามการกำหนด UDTs เอาไว้มันยังไม่เพียงพอ เพราะ USER_INFO เปรียบเสมือนเป็นเพียง Template ซึ่งมันยังไม่สามารถจัดเก็บข้อมูลเข้าไปได้ เราจึงต้องกำหนดตัวแปรให้กับชุดข้อมูล (UDTs) ก่อนดังนี้ คือ

1. Public CurrUser As USER_INFO
   
2. ' เพื่อให้เรียกใช้งานชุดข้อมูล USER_INFO ผ่านทางตัวแปร CurrUser อีกที
   
3. 
   
4. ' การเรียกใช้งาน เช่น ....
   
5. ' CurrUser.USER_ID ... ก็จะแสดงค่าของชื่อผู้ใช้ เช่น ADMIN หรือ USER
   
6. ' CurrUser.USER_ISADMIN ... เก็บสถานะว่าเป็น True หรือ False ...
   
7. 
   
8. ' =========================== เพิ่มเติม ========================
   
9. ' ในกรณีที่เราต้องการกำหนดระดับ User ให้มีหลายๆระดับ
   
10. ' - กำหนดฟิลด์ในตารางข้อมูล UserLevel แบบ Byte ก็พอ (เหลือเฟือ)
    
11. ' - กำหนด Data Type คือ USER_LEVEL As Byte
    
12. ' เช่น 0 = Admin, 1 = Manager, 2 = User
    
13. ' =========================================================

คัดลอกไปที่คลิปบอร์ด

frmLogin.frm - เป็นฟอร์มหลักและทำการตรวจสอบ User/Password

1. Option Explicit
   
2. 
   
3. Private Sub Form_Load()
   
4.     Me.Move (Screen.Width - Me.Width) \ 2, (Screen.Height - Me.Height) \ 2
   
5.     txtUserID.Text = ""
   
6.     txtPassword.Text = ""
   
7.    
   
8.     Call OpenDataBase
   
9.    
   
10. End Sub
    
11. 
    
12. ' / ------------------------------------------------------------------
    
13. ' เริมต้นทำการตรวสอบข้อมูลของผู้ใช้งาน
    
14. Private Sub cmdOK_Click()
    
15. ' / ------------------------------------------------------------------
    
16. 
    
17. ' ตัวแปรเก็บค่ารหัสผ่านจากตารางข้อมูล
    
18. Dim strPass As String
    
19. 
    
20.     ' ตรวจสอบค่าว่างหรือไม่ ... หากใช่ให้กลับไปป้อนชื่อผู้ใช้ หรือ รหัสผ่านใหม่
    
21.     If Trim(txtUserID.Text) = "" Or Len(Trim(txtUserID.Text)) = 0 Then txtUserID.SetFocus: Exit Sub
    
22.     If Trim(txtPassword.Text) = "" Or Len(Trim(txtPassword.Text)) = 0 Then txtPassword.SetFocus: Exit Sub
    
23. 
    
24.     ' เริ่มตรวจสอบชื่อผู้ใช้งานก่อนว่ามีในระบบหรือไม่
    
25.     ' การกำหนด Set RS = New Recordset หมายถึงการปิด RecordSet เดิมลง (กรณีเปิดค้างไว้)
    
26.     Set RS = New Recordset
    
27.     Statement = "SELECT * FROM tblUser WHERE UserID = " & "'" & Trim(txtUserID) & "'"
    
28.     RS.CursorLocation = adUseClient
    
29.     RS.Open Statement, ConnDB, adOpenForwardOnly, adLockReadOnly, adCmdText
    
30.    
    
31.     ' การใช้ RecordCount ได้ เราต้องตั้งการอ่านแบบ RS.CursorLocation = adUseClient
    
32.     ' หากพบข้อมูลให้คัดลอกรหัสผ่านไว้ในตัวแปรก่อน ... อันนี้เผื่อเอาไว้ในกรณีที่มีการเข้ารหัสข้อมูล (Encrypt Data)
    
33.     If RS.RecordCount > 0 Then
    
34.         
    
35.         strPass = "" & RS("Password")
    
36.         
    
37.         ' กรณีที่เราเข้ารหัสข้อมูล (Encrypt) ก็ต้องถอดรหัส (Decrypt) ก่อน จึงจะเปรียบเทียบค่าได้
    
38.         ' นี่แหละคือสาเหตุที่ผมต้องแยกการตรวจสอบชื่อผู้ใช้  และ รหัสผ่าน ออกจากกัน
    
39.         ' เช่น strPass = DecryptData(RS("Password"))
    
40.         
    
41.     ' ไม่พบข้อมูลให้กลับไปแก้ไขใหม่
    
42.     Else
    
43.         MsgBox "ชื่อผู้ใช้งานไม่ถูกต้อง กรุณาลองใหม่อีกครั้ง.", vbOKOnly + vbExclamation, "รายงานสถานะ"
    
44.         txtUserID.SetFocus
    
45.         RS.Close:   Set RS = Nothing
    
46.         Exit Sub
    
47.     End If
    
48.    
    
49.     ' เมื่อชื่อผู้ใช้ถูกต้องแล้ว ก็ไปตรวจสอบรหัสผ่านในลำดับต่อไป
    
50.     ' ตรวจสอบรหัสผ่านของผู้ใช้งานก่อนว่าตรงกันกับในระบบหรือไม่ โดยปรับตัวอักขระทุกตัวให้เป็นตัวเล็ก (LCase)
    
51.     If LCase(txtPassword.Text) <> LCase(strPass) Then
    
52.         MsgBox "รหัสผ่านไม่ถูกต้อง กรุณาลองใหม่อีกครั้ง.", vbOKOnly + vbExclamation, "รายงานสถานะ"
    
53.         txtPassword.SetFocus
    
54.         RS.Close:   Set RS = Nothing
    
55.         Exit Sub
    
56.     End If
    
57.    
    
58.     ' คัดลอกค่าต่างๆที่จำเป็นเอาไว้ในชุดข้อมูล CurrUser เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ได้ในภายหลัง
    
59.     ' เช่น การเปลี่ยนรหัสผ่าน หรือ การตรวจสอบสถานะว่า User นี้ เข้าถึงข้อมูลได้ในระดับไหน
    
60.     ' จากส่วนของโมดูล ... modVarType.bas
    
61.     With CurrUser
    
62.    
    
63.         ' ตัวนี้สำคัญเลย เมื่อเวลาการบันทึกข้อมูลลงไปในตารางอื่นๆ จะได้รู้ว่า User ใดเป็นผู้กระทำ
    
64.         ' เราเก็บเฉพาะค่า Primary Key หรือ UserPK นะครับ ... UserID ไม่ได้เอาไปเก็บด้วย
    
65.         ' ต้องแยกความแตกต่างระหว่าง Primary Key กับพวกเหล่า ID ทั้งหลายเช่น รหัสผู้ใช้
    
66.         ' รหัสสินค้า รหัสลูกค้า เหล่านี้ด้วยครับ
    
67.         .USER_USERPK = RS("UserPK")
    
68.         ' เช่น UserPK = 1, UserID = ADMIN
    
69.         ' ไม่ว่าคุณจะเปลี่ยนชื่อ UserID จาก ADMIN มาเป็น THONGKORN หรือ SURAPON ก็ตาม
    
70.         ' มันก็ยังชี้ชัดๆว่าเป็น User คนเดียวกันอยู่วันยังค่ำ โดยไม่ต้องไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลใดๆในตารางอื่นๆเลย
    
71.         ' เพราะเราไม่ได้เปลี่ยนแปลงค่า Primary Key ที่จะสร้างความสัมพันธ์ไปยังตารางอื่นๆ
    
72.         
    
73.         .USER_USERID = "" & RS("UserID")
    
74.         
    
75.         ' นำไปใช้ในเวลาที่ผู้ใช้ต้องการเปลี่ยนรหัสผ่าน
    
76.         .USER_PASSWORD = LCase(strPass)
    
77.         
    
78.         .USER_COMPLETENAME = "" & RS("CompleteName")
    
79.         .USER_TIMELOGIN = Now()
    
80.         
    
81.         ' True คือ Admin ... หากเป็น False ก็คือระดับ User
    
82.         .USER_ISADMIN = RS("Admin")
    
83.         
    
84.     End With
    
85.     RS.Close:   Set RS = Nothing
    
86.    
    
87.     ' เข้าสู่ระบบ ... ทดสอบเอาค่าชนิดข้อมูลที่ประกาศเอาไว้มาใช้งาน
    
88.     ' ทดสอบว่าเป็นระดับ  Admin หรือไม่ ...
    
89.     If CurrUser.USER_ISADMIN Then
    
90.         MsgBox "ยินดีต้อนรับคุณ " & CurrUser.USER_COMPLETENAME & " เข้าสู่ระบบ" & vbCrLf & _
    
91.         "คุณอยู่ในระดับ Administrator.", vbOKOnly + vbInformation, "รายงานสถานะ"
    
92.     Else
    
93.         MsgBox "ยินดีต้อนรับคุณ " & CurrUser.USER_COMPLETENAME & " เข้าสู่ระบบ" & vbCrLf & _
    
94.         "คุณอยู่ในระดับ User เท่านั้น.", vbOKOnly + vbInformation, "รายงานสถานะ"
    
95.     End If
    
96.    
    
97.     ' ปกติก็ต้อง Unload แล้วเรียกฟอร์มหลักขึ้นใช้งาน
    
98.     End
    
99.    
    
100. End Sub
     
101. 
     
102. Private Sub Form_Activate()
     
103.     txtUserID.SetFocus
     
104. End Sub
     
105. 
     
106. Private Sub Form_Unload(Cancel As Integer)
     
107.     Call CloseDataBase
     
108.     Set frmLogin = Nothing
     
109.     End
     
110. End Sub
     
111. 
     
112. Private Sub cmdExit_Click()
     
113.     Unload Me
     
114. End Sub
     
115. 
     
116. Private Sub txtPassword_KeyDown(KeyCode As Integer, Shift As Integer)
     
117.     If KeyCode = vbKeyDown Then SendKeys "{TAB}"
     
118.     If KeyCode = vbKeyUp Then SendKeys "+{TAB}"
     
119. End Sub
     
120. 
     
121. Private Sub txtPassword_KeyPress(KeyAscii As Integer)
     
122.     If KeyAscii = 13 Then
     
123.         KeyAscii = 0
     
124.         Call cmdOK_Click
     
125.     End If
     
126. End Sub
     
127. 
     
128. Private Sub txtUserID_GotFocus()
     
129.     Call HLText(txtUserID)
     
130. End Sub
     
131. 
     
132. Private Sub txtPassword_GotFocus()
     
133.     Call HLText(txtPassword)
     
134. End Sub
     
135. 
     
136. Private Sub txtUserID_KeyDown(KeyCode As Integer, Shift As Integer)
     
137.     If KeyCode = vbKeyDown Then SendKeys "{TAB}"
     
138.     If KeyCode = vbKeyUp Then SendKeys "+{TAB}"
     
139. End Sub
     
140. 
     
141. Private Sub txtUserID_KeyPress(KeyAscii As Integer)
     
142.     If KeyAscii = 13 Then
     
143.         KeyAscii = 0
     
144.         SendKeys "{TAB}"
     
145.     Else
     
146.         ' ตรวจสอบการรับค่าเฉพาะตัวเลขและตัวอักษรภาษาอังกฤษตัวเล็ก และ ตัวใหญ่ (0-9, a - z, A-Z)
     
147.         KeyAscii = CheckAlphaNumeric(KeyAscii)
     
148.     End If
     
149. End Sub

คัดลอกไปที่คลิปบอร์ด

ดาวน์โหลดโค้ดต้นฉบับแบบเต็ม VB6 (SP6) ได้ที่นี่